“ไวรัสโรต้า”...ภัยร้ายที่ไม่ควรมองข้าม


“ไวรัสโรต้า” เชื้อไวรัสตัวแสบที่เป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้เกิดโรคอุจจาระร่วงในเด็กอายุต่ำกว่า 5 ปี และสามารถแพร่กระจายได้ง่าย เป็นที่น่าสนใจว่า มีเด็กที่ป่วยจากเชื้อไวรัสโรต้าเป็นจำนวนมากทั้งในและต่างประเทศ แม้ประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกา ซึ่งหนึ่งในสาเหตุสำคัญของการป่วยดังกล่าวคือ การขาดความรู้และการเตรียมตัวป้องกันลูกน้อยให้รอดพ้นจากเจ้าไวรัสโรต้า ดังนั้นการรู้เท่าทันเชื้อไวรัส และวัคซีนป้องกันจึงเป็นเครื่องมือที่สำคัญอย่างยิ่งต่อการเสริมสร้างเกราะป้องกันลูกน้อย

โครงการจุฬาคิดส์คลับ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้จัดกิจกรรมหยอดวัคซีนโรต้า เพื่อลดโอกาสเสี่ยงต่อโรคให้กับเด็กอายุ 6 สัปดาห์ - 4 เดือน ภายใต้ความร่วมมือในโครงการจีเอสเค ธนาคารยาเพื่อประชาชน ผ่านสภากาชาดไทย เพื่อสนับสนุนการเข้าถึงยาของผู้ด้อยโอกาสและเพิ่มการมีคุณภาพที่ดีขึ้น

รองศาสตราจารย์นายแพทย์ชิษณุ พันธุ์เจริญ ภาควิชากุมารเวชศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย และผู้เชี่ยวชาญด้านโรคติดเชื้อ กล่าวว่า ไวรัสโรต้าเป็นปัญหาสาธารณสุขของประเทศไทยและประเทศต่างๆ ทั่วโลก เพราะไวรัสโรต้าเป็นสาเหตุที่พบบ่อยที่สุดของโรคอุจจาระร่วงในเด็กเล็กต่ำกว่า 5 ปี โรคมีความรุนแรงกว่าโรคท้องร่วงทั่วไป ทำให้เด็กมีไข้สูง อาเจียน ถ่ายอุจจาระเป็นน้ำอยู่หลายวัน บางรายอาจเกิดภาวะขาดน้ำอย่างรุนแรงจนเกิดอาการช็อกได้ และต้องนอนรักษาตัวในโรงพยาบาลเพื่อให้น้ำเกลือ

“ส่วนใหญ่เด็กจะได้รับเชื้อไวรัสที่ติดมากับมือจากการสัมผัสน้ำมูก อุจจาระ หรือวัตถุสิ่งของ เช่น             ของเล่น ที่นอน เข้าสู่ปากโดยตรง ซึ่งการมีสุขอนามัยในการกินไม่ได้ช่วยมากนัก นั่นคือสาเหตุที่เราพบเจอโรคนี้แม้ในประเทศที่พัฒนาแล้วอย่างสหรัฐอเมริกาก็เจอเป็นอันดับต้นๆ ซึ่งแตกต่างจากอหิวาตกโรค
โรคบิด ที่ป้องกันได้ด้วยการกินอาหารและดื่มน้ำสะอาด แต่เชื้อไวรัสโรต้ามีอยู่ในทุกหนทุกแห่ง ทำให้ครั้งหนึ่งในชีวิตเด็กจะป่วยจากโรคนี้”

รองศาสตราจารย์นายแพทย์ชิษณุ กล่าวต่อไปว่า ในปัจจุบันยังไม่มียาฆ่าไวรัสโดยเฉพาะ แต่จะทำการรักษาตามอาการของเด็ก โดยการให้ดื่มน้ำเกลือแร่หรือให้น้ำเกลือทางหลอดเลือด ซึ่งโรคจะหายเอง แต่ยังมีโอกาสที่จะเป็นซ้ำได้ การติดเชื้อไวรัสโรต้าในครั้งหลังๆ จะมีอาการรุนแรงน้อยลง เพราะร่างกายมีภูมิคุ้มกันในการป้องกันโรคอยู่บ้างแล้ว สำหรับการป้องกันโรคที่สำคัญคือ การให้เด็กกินนมแม่ และ

การหยอดวัคซีนสำหรับเด็กเล็กอายุ 6 สัปดาห์ - 4 เดือน เพื่อให้เด็กมีภูมิคุ้มกันที่ช่วยป้องกันและลด ความรุนแรงของโรคได้ ซึ่งหากคุณพ่อคุณแม่สามารถให้เด็กได้รับการหยอดวัคซีนได้ก็จะเป็นการผ่อนหนักเป็นเบา ช่วยลดความรุนแรงของโรคลง
 
เชื้อโรคมีอยู่ตามวัตถุสิ่งของต่างๆ รอบตัวเรา ซึ่งอาจเป็นสาเหตุที่ทำให้ลูกน้อยต้องมีอาการเจ็บป่วยอย่างไม่ทันตั้งตัว ดังนั้นเพื่อเป็นการป้องกันภัยเงียบตัวร้ายที่อาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพและการพัฒนาการของลูกน้อยในอนาคต คุณพ่อคุณแม่ทั้งหลายต้องวางแผนล่วงหน้าและให้ความสำคัญกับการพาลูกน้อยของคุณไปรับวัคซีน





แสดงความคิดเห็น






Pooyingnaka Wellness


Advertisement